นับจากการเดินทางแรก ของขบวน C-HR ก่อนที่จะส่งถึงมือลูกค้า โตโยต้า นำทีมโดย คุณปรีชา โพธิ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์และกิจกรรมสังคม นำพาสื่อมวลชน ประเดิมกันที่จังหวัดบุรีรัมย์
จากนั้น ก็ยังพาอีกคณะ เดินทางสู่เกาะกูด ด้วยเส้นทางไกล หลากหลายรูปแบบ ก็พาสื่อมวลชนมาถึงฝั่งก่อนที่จะพาไปลงเรือ และทำกิจกรรมอื่นๆ ในแบบ วารีบำบัด เพราะน้ำไม่ว่าจืดหรือเค็ม น่าจะเป็นตัวทำให้ผ่อนคลายได้จากโรคออฟฟิศซินโดรม หากกระนั้น ยังไม่พอ ยังมีขบวนคาราวานที่ 3 ซึ่งเดินทางจากลำปางสู่จังหวัดน่าน กับทริปสุดท้าย ที่ไม่ใช่ท้ายสุดแน่ กับการเดินทางเป็นคาราวาน จากน่านสู่จังหวัดลำปาง ซึ่งเราได้ร่วมเดินทางไปกับคาราวานครั้งนี้ด้วย
ด้วยเส้นทางคดโค้งเกือบ 100 กิโลเมตร CARAVAN Toyota C-HR พาสื่อมวลชนจากน่าน มาจนถึงจังหวัดแพร่ ทั้งสองเมือง มีความสำคัญทั้งแง่เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และความเป็นธรรมชาติ หลายโค้งที่เล่นเอาสื่อมวลชนในคณะปวดเศียรเวียนเกล้า จนต้องหยุดคาราวานเป็นระยะ แต่ในขบวนคาราวานครั้ง ต้องบอกเลยว่า สร้างความประทับใจ แปลกใหม่ได้เป็นอย่างมาก เพราะด้วยรูปลักษณ์แล้ว CARAVAN Toyota C-HR ทำให้ประชาชนสองฟากฝั่งถนน หันมามองกัน เนื่องจากเป็นใหม่ และรถสวยจากค่ายโตโยต้า
สีที่ชื่นชอบ เป็นสีเขียวมิ้นต์ ที่สะท้อนแสง สะท้อนตา สะท้อนใจ ไฟหน้าและไฟท้ายดูโด่ดเด่น รวมถึงประตูด้านข้างคู่หลัง ซ่อนที่เปิดปิดไว้บริเวณขอบกลางหน้าต่างหลัง อีกทั้งช่วงล่างที่สูง ทำให้ผ่านอุปสรรคในเส้นทางได้ดี แถมความเป็นรูปเก่าๆ ยังถูกตัดทิ้งไปสิน เป็นยนตรกรรมดีไซน์ใหม่ และแปลกตาของโตโยต้าจริงๆ
ความพิเศษใน CARAVAN Toyota C-HR ครั้งนี้ ดูจะเป็น ภายนอกมีไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ Full LED ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED (LED Daytime Running Light) แบบ Light Guiding ระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่า แบบอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home ไฟเลี้ยวด้านหน้า LED Sequential ไฟท้าย Full LED รมดำ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED ซึ่งปรับไฟฟ้าและพับเก็บอัตโนมัติ กระจกบังลมหน้าแบบเก็บเสียงรบกวน (Acoustic Glass) สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรคดวงที่ 3 แบบ LED เสาอากาศแบบครีบฉลาม ไฟส่องสว่างที่กระจกมองข้างแบบ LED (Welcome Lamp) และยางขนาด 215/60 R17 พร้อมล้ออัลลอย 17 นิว้
ภายในก็สะท้อนความมีรสนิยม สีภายในทูโทน วัสดุหุ้มเบาะเป็นหนงัและวัสดุสังเคราะห์ เบาะคู่หน้าทรงสปอร์ต กับพวงมาลัย และวัสดุตกแต่งฐานเกียร์หุ้มหนัง ไฟส่องสว่างบริเวณประตูหน้าและที่วางแก้ว ด้านหลังแยกเบาะพับได้แบบ 60:40 กระจกหน้าต่างไฟฟ้า พร้อมระบบป้องกันการหนีบ 4 ตำแหน่ง มาตรวัดและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบสตาร์ทอัตโนมัติ Push Start ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry) ะบบเบรคมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบหน่วงเบรคอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ สามารถปรับอิสระแยกซ้าย-ขวา ที่ปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาและปรับตั้งเวลาอัตโนมัติ ปุ่มปรับดันหลังเบาะไฟฟ้าด้านคนขับ ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและจอข้อมูลการขับขี่ที่พวงมาลัย จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิว้ ระบบ EV Mode ระบบ Sport และ ECO Mode กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ รวมไปถึงระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร nanoe TRUSTABLE SAFETY มาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงสุดในทุกสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม ที่เครื่องยนต์ ไฮบริด HV Hi / HV Mid และยังมีระบบส่งกำลังที่ล้ำเลิศ เครื่องยนต์ใช้รุ่น 2ZR-FXE แบบ DOHC 16 วาล์ว ความจุกระบอกสูบ 1,798 ซีซี แรงม้าสูงสุด 72 กิโลวัตต์ หรือ 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร หรือ 14.5 กิโลกรัมต่อเมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที ระบบขับเคลื่อนเป็น E-CVT (Electrically-controlled Continuously Variable Transmission) บอกแล้วว่าเป็นระบบขับเคลื่อนหรือเกียร์อัจฉริยะ นอกจากนี้ยังมี Shift Lock ให้อัตราส่วนกำลังอัด 13.0 : 1 ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นแบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ชนิด EFI น้ำมันเชื้อเพลิงก็ใช้ได้ถึง E85 ความจุถังน้ำมัน 43 ลิตร
เนื่องจากเป็นเครื่องยนต์ไฮบริด จึงมาพูดถึง มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ชนิดมอเตอร์ซิงโครนแม่เหล็กถาวร แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 600 โวลต์ กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์ แรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร แบตเตอรีไฮบริด Ni-MH (Nickel–Metal Hydride) ชนิดนิกเกิลเมทัลไฮดราย แรงดันไฟฟ้า 201.6 โวลต์ จำนวนโมดูล 28 โมดูล ความจุไฟฟ้า 6.5 แอมป์ เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 90 กิโลวัตต์ หรือ 122 แรงม้า
ส่วนของ ระบบช่วงล่างหน้า รองรับแรงสั่นสะเทือน อิสระเม็คเฟอร์สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลัง เป็นแบบอิสระปีกนกคู่ (Double Wishbone) พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน ส่วนด้านหลังก็เป็นดิสก์เบรกเช่นเดียวกัน พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า (EPS)
C-HR มีระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-start Assist Control) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบความปลลอดภัยก่อนการชน PCS (Pre-Collision System) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) พร้อมระบบ Dynamic Radar Cruise Control ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beams) ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ (Lane Departure Alert with Steering Assist) แถมมีระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่จะขึ้นเป็นรูปให้กินกาแฟก่อนขับต่อ กล้องมองภาพขณะถอยหลัง (Back Guide Monitor) สัญญาณเตือนระยะด้านหน้า ด้านท้าย และมุมกันชน 8 จุด รวมไปถึงถุงลมเสริมความปลอดภัย ระบบ SRS 7 ตำแหน่ง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านข้าง และฝั่งหัวเข่าด้านคนขับ
คาราวานทั้ง 4 ทริปของ โตโยต้า กับรถยนต์รุ่นใหม่ Toyota C-HR บ่งบอกว่า โตโยต้า เริ่มหันกลับมาเอาจริงในตลาดรถยนต์นั่ง ซึ่งโดน ฮอนด้า แย่งส่วนแบ่งทางการตลาดไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้ โตโยต้า ยังคงเป็นแชมป์ยอดจำหน่ายรถรวมอยู่ก็ตาม แต่การเสียแชมป์ให้กับ ฮอนด้า ไปก็เป็นเรื่องเสียหน้ามิใช่น้อย